จากการตรวจสุขภาพผู้ป่วยโรคเหงือกเรื้อรังที่ได้เลิก สูบบุหรี่ตามวิธีการรักษาโรคเหงือกโดยไม่ใช้การผ่าตัดพบว่าจำนวนแบคทีเรีย ที่เป็นอันตรายในช่องปากลดลงอย่างมากในขณะที่แบคทีเรียที่เป็นคุณต่อร่าง กายกลับเพิ่มจำนวนมากขึ้น คณะผู้วิจัยจากมหาวิทยาลัย Ohio State มหาวิทยาลัย Columbus Ohio และมหาวิทยาลัย Newcastle ในสหราชอาณาจักรได้รายงานผลการค้นพบดังกล่าวไว้ใน Journal of Clinical Microbiology ฉบับเดือนกรกฏาคม 2553
แบคทีเรียร้ายในช่องปากเป็นสาเหตุของการเกิดโรคเหงือกเรื้อรัง และการสูบบุหรี่เป็นตัวการสำคัญที่สร้างสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเชื้อโรค เหล่านี้ในช่องปาก แม้ว่าการศึกษาก่อนหน้านี้จะระบุว่าการเลิกสูบบุหรี่จะทำให้เกิดการเปลี่ยน แปลงของแหล่งรวมแบคทีเรียเหล่านี้ แต่ในขณะนั้นยังไม่ทราบว่าการเลิกสูบบุหรี่จะส่งผลให้การสร้างอาณานิคมของ เชื้อโรคร้ายในช่องปากพลิกกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือได้
เพื่อให้ทราบอย่างแน่ชัดว่าการเลิกสูบบุหรี่จะส่งผลอย่างไรกับแบคทีเรียที่ เป็นสาเหตุของโรคเหงือก คณะผู้วิจัยได้เริ่มดำเนินการศึกษาเป็นโครงการระยะยาว โดยในเบื้องต้น ได้เก็บตัวอย่างคราบฟันจากผู้สูบบุหรี่จำนวน 22 ราย ในระยะเวลา 12 เดือนต่อมากลุ่มตัวอย่างได้รับการรักษาโรคเหงือกโดยไม่ใช้การผ่าตัดแต่ได้ รับการให้คำปรึกษาเพื่อเลิกสูบบุหรี่อย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้น ได้เก็บตัวอย่างคราบฟันอีกครั้ง โดยที่กลุ่มตัวอย่าง 11 รายเป็นผู้ที่เลิกบุหรี่แล้ว อีก 11 รายยังคงสูบบุหรี่อยู่
ผลลัพธ์ที่ได้แสดงให้เห็นว่ากลุ่มตัวอย่างที่เลิกสูบบุหรี่แล้วมีปริมาณ แบคทีเรียที่เป็นโทษในช่องปากลดลง และมีจำนวนแบคทีเรียสายพันธุ์ที่เป็นคุณต่อร่างกายเพิ่มขึ้น “การรักษาโรคเหงือกโดยไม่ใช้วิธีผ่าตัดแต่ใช้การให้คำปรีกษาเพื่อเลิกสูบ บุหรี่ทำให้สภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตของกลุ่มแบคทีเรียในช่องปากเปลี่ยนไป เป็นของสายพันธุ์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย โดยแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคเหงือกลดจำนวนลงอย่างเห็นได้ชัด”
ผลการวิจัยชี้ให้เห็นถึงบทบาทที่สำคัญยิ่งของการให้คำปรึกษาเพื่อเลิกสูบ บุหรี่ที่มีต่อการรักษาโรคเหงือกสำหรับผู้สูบบุหรี่ในอันที่จะเปลี่ยนแปลง สภาพแวดล้อมในช่องปากเพื่อกำจัดแบคทีเรียร้ายที่เป็นสาเหตุของโรคเหงือกได้ อย่างมีประสิทธิผล
ที่มา: ScienceDaily July 14, 2010